รู้จักหุ้น LK และ Luckin Coffee ร้านกาแฟที่มีสาขาแซง Starbucks

รู้จักหุ้น LK และ Luckin Coffee ร้านกาแฟที่มีสาขาแซง Starbucks

หากจะพูดถึงแฟรนไชส์ร้านกาแฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ร้านที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นยักษ์ใหญ่อย่าง Starbucks แต่ในประเทศจีน กลับมีแบรนด์ท้องถิ่นที่ผุดขึ้นมาจนกลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียลและแซงหน้า Starbucks ไปอย่างน่าทึ่ง ร้านนั้นมีชื่อว่า Luckin Coffee

แบรนด์สัญชาติจีนรายนี้ไม่ได้เพียงแค่ท้าทาย Starbucks แต่ยังปฏิวัติตลาดกาแฟในจีนอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่แนวคิดธุรกิจที่กล้าทะเยอทะยาน การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ทว่าสิ่งที่ทำให้ Luckin ถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลกไม่ใช่เพียงแค่โมเดลธุรกิจ แต่ยังรวมถึงเส้นทางในตลาดหุ้นที่ทั้งหวือหวาและเต็มไปด้วยบทเรียนราคาแพง

Luckin เคยจดทะเบียนในตลาด NASDAQ ภายใต้ชื่อหุ้น $LK และได้รับความนิยมในฐานะหนึ่งในหุ้น IPO ดาวรุ่งของจีน แต่หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวด้านบัญชีในปี 2020 บริษัทก็ถูกถอดจากตลาด และราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้หลายคนสูญเสียความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตาคือการฟื้นตัวอย่างมีวินัยของ Luckin ซึ่งกลับมาทำกำไรและเริ่มขยายสาขาอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง โดยปัจจุบัน หุ้นของบริษัทกลับมาซื้อขายในตลาด OTC ในนาม $LKNCY และเริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนระยะยาวที่มองเห็นศักยภาพการเติบโตในตลาดจีนและการขยายตัวสู่ระดับโลก

เรื่องราวของ Luckin Coffee จึงไม่ใช่เพียงแค่บทเรียนทางธุรกิจ แต่ยังเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญในตลาดหุ้น สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสใน “หุ้น turnaround” ที่เคยผ่านวิกฤติหนักแต่ยังคงศักยภาพการเติบโตไว้ได้อย่างน่าจับตา

Tip: ลงทุนใน "หุ้น turnaround" ต้องโฟกัสที่การเปลี่ยนแปลงภายใน มากกว่าชื่อเสียงในอดีต

จุดเริ่มต้นของ Luckin Coffee

Luckin Coffee ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดย เจนนี่ เชียน และ ชาร์ลส์ เจิงเหย่า ลู ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนว่า “เรียบง่ายแต่ปฏิวัติวงการ” โดยเน้นการสร้างแบรนด์กาแฟที่เข้าถึงง่าย ราคาถูก และใช้เทคโนโลยีเป็นแกนกลาง ตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งซื้อผ่านแอปพลิเคชัน การชำระเงินแบบไร้เงินสด ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอเมนูและโปรโมชั่นแบบเฉพาะบุคคล

สิ่งนี้ทำให้ Luckin แตกต่างจาก Starbucks อย่างชัดเจน เพราะในขณะที่ Starbucks เน้นบรรยากาศการนั่งพักผ่อนในร้าน Luckin กลับมุ่งเน้นไปที่ความเร็ว ความสะดวก และราคาที่จับต้องได้

การเติบโตของหุ้น Luckin Coffee ในตลาดหุ้นสหรัฐ

การเติบโตของ Luckin เป็นปรากฏการณ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก ภายในเวลาเพียงสองปี บริษัทได้เปิดสาขาไปแล้วมากกว่า 4,500 แห่ง ในประเทศจีน ซึ่งแซงหน้า จำนวน Starbucks ไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ร้านของ Luckin Coffee ไม่ใช่คาเฟ่แบบดั้งเดิมที่เราจะเห็นได้ทั่วไป แต่เป็นร้านขนาดเล็กที่ออกแบบสำหรับการรับสินค้าและจัดส่งโดยเฉพาะ (Pick-up and Delivery) โมเดลนี้ช่วยลดต้นทุนในการเปิดสาขาและทำให้บริษัทสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว

หนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดของ Luckin Coffee คือการใช้โปรโมชั่นลดราคาแบบลดแลกแจกแถม เช่น คูปองซื้อ 1 แถม 1 กลยุทธ์นี้ดึงดูดลูกค้าที่ต้องการกินกาแฟแต่กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และกำลังมองหาแบรนด์ที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

กลยุทธ์เหล่านี้ทำให้ Luckin เติบโตอย่างรวดเร็ว และสามารถระดมทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ได้ภายในเวลาไม่กี่ปี ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาด NASDAQ ภายใต้ชื่อหุ้น $LK ในปี 2019 โดยราคา IPO อยู่ที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐฯ และพุ่งขึ้นเกือบ 20% ในวันแรกที่เปิดซื้อขาย

นักลงทุนต่างมองว่าโมเดลธุรกิจของ Luckin เป็นอนาคตของกาแฟในจีน ด้วยสาขาที่ขยายอย่างรวดเร็วและระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ราคาหุ้นมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงแรก

สนใจลงทุนและเทรดบนตลาดหุ้นสหรัฐอยู่หรือเปล่า?

ให้ IUX เป็นส่วนสำคัญของการสร้างพอร์ตของคุณได้แล้ววันนี้ 

ปัจจัยที่ทำให้ Luckin Coffee แซงหน้า Starbucks

1. ราคาจับต้องได้

Luckin วางราคาถูกกว่าคู่แข่ง พร้อมโปรโมชั่นแรงอย่างซื้อ 1 แถม 1 ดึงดูดผู้บริโภคที่มองหาความคุ้มค่า โดยเฉพาะในจีนที่ Starbucks ยังถูกมองว่าเป็นแบรนด์พรีเมียม

2. ความสะดวกสไตล์คนเมืองจีน

แทนที่จะเน้นที่นั่งและบรรยากาศเหมือน Starbucks, Luckin ใช้โมเดลร้านขนาดเล็ก เน้นสั่งผ่านแอปและรับเร็ว เหมาะกับชีวิตเร่งรีบในเมืองใหญ่

3. เทคโนโลยีเป็นหัวใจ

ลูกค้าสั่งผ่านแอปได้สะดวก และระบบวิเคราะห์ข้อมูลช่วยพัฒนาสินค้าให้ตรงใจอย่างต่อเนื่อง

4. เดลิเวอรี่แข็งแกร่ง

ร่วมมือกับ Meituan ทำให้สั่งกาแฟได้ง่ายทั้งจากบ้านและที่ทำงาน ขณะที่ Starbucks ยังพัฒนาโมเดลส่งไม่ทัน

5. ขยายสาขารวดเร็ว

เปิดหลายพันสาขาภายในไม่กี่ปี โดยใช้โมเดลที่ลดต้นทุน ทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมกว่าคู่แข่ง

จุดตกต่ำของหุ้น Luckin Coffee

อย่างไรก็ตาม ความเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ เมื่อในต้นปี 2020 บริษัทออกมายอมรับว่ามีการปลอมแปลงยอดขายกว่า 310 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นกว่า 40% ของรายได้ในปีนั้น ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงถึงกว่า 80% และถูกถอดออกจาก NASDAQ ในเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน

เรื่องนี้กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการบริหารที่ขาดความโปร่งใส แม้จะล้มเหลวในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ Luckin ไม่ได้หายไปจากธุรกิจ พวกเขาเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย Chapter 15 ในสหรัฐฯ ปรับโครงสร้างบริษัท และกลับมาเทรดในตลาด OTC ภายใต้สัญลักษณ์ใหม่คือ $LKNCY

A Luckin Coffee store in Shanghai, China. Photo: caixinglobal.com

การกลับมาครั้งใหม่ของหุ้น Luckin

แม้จะมีเรื่องฉาวเกี่ยวกับการบัญชีปลอมอย่างหนักในปี 2020 Luckin Coffee ไม่ได้หายไปจากวงการธุรกิจ พวกเขาทำการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เปลี่ยนทีมผู้บริหาร และเสริมมาตรการกำกับดูแลเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนและสาธารณชน ภายใต้การนำของ Centurium Capital ที่เป็นผู้ถือหุ้นควบคุมแบรนด์ หลักการทำงานของบริษัทถูกเปลี่ยนใหม่สู่ความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ 

Luckin กลับมาเน้นจุดแข็งเดิม: คุณภาพสินค้าและเทคโนโลยี ตั้งแต่ระบบสั่ง-จ่ายผ่านแอป การวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า ไปจนถึงการรีดประสิทธิภาพในระดับสาขา ส่งผลให้ภายในปี 2023 บริษัทกลับมาทำกำไรและมีการเปิดสาขาในจีนกว่า 24,000 แห่ง แซงหน้า Starbucks อีกครั้ง 

หนึ่งในกลยุทธ์ที่สร้างกระแสโดดเด่นคือการจับมือกับ Kweichow Moutai เพื่อเปิดตัว “ลาเต้รสมู่ไถ” ซึ่งกลายเป็นไวรัลและยืนยันถึงความสามารถของ Luckin ในการสร้างนวัตกรรมที่แตกต่างและตรงใจคนรุ่นใหม่ 

ผลประกอบการและราคาหุ้น

ในไตรมาส 1 ของปี 2025 Luckin Coffee รายงานรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 41.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 0.24 ดอลลาร์ และ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 9.7% จากที่เคยเกือบเป็นศูนย์ในไตรมาสเดียวกันของปี 2024

การเติบโตดังกล่าวเกิดขึ้นควบคู่กับการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ Luckin เปิดเพิ่มอีก 1,757 สาขา ทำให้ยอดรวมทั่วประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียทะลุ 24,097 สาขา ครอบคลุมทั้งร้านที่บริหารเองและรูปแบบพาร์ตเนอร์

ด้านราคาหุ้น ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2025 หุ้น LKNCY ซึ่งซื้อขายในตลาด OTC เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 38–39 ดอลลาร์ต่อหุ้น คิดเป็น มูลค่าตลาดราว 11–12 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนศักยภาพของบริษัทเทียบกับรายได้รวมที่เกิน 4.72 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024

ตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 70–78% และมีแนวโน้มจะขยับขึ้นต่อเหนือระดับ 42 ดอลลาร์ หากแรงซื้อยังคงต่อเนื่องตามทิศทางผลประกอบการและความเชื่อมั่นของนักลงทุน

นับเป็นการฟื้นตัวที่น่าจับตาอย่างยิ่งของบริษัทที่เคยเกือบถูกมองข้ามจากวงการตลาดทุน

Tip: อย่าดูแค่ราคาหุ้นที่ฟื้นตัวแรง แต่ให้ดูว่าบริษัทเปลี่ยนแปลงพื้นฐานจริงหรือไม่ หุ้น Turnaround ที่ดี ต้องมีทั้งกำไรจริง โมเดลยั่งยืน และผู้นำที่แก้ปัญหาได้จริง

บทสรุป

เส้นทางของ Luckin Coffee คือบทพิสูจน์ของแบรนด์ที่เริ่มต้นจากสตาร์ทอัพเล็ก ๆ แล้วก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งตัวจริงของ Starbucks ในตลาดกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Luckin มาจากการผสานเทคโนโลยีกับความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคจีนอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับโมเดลธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความสะดวก รวดเร็ว และราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งช่วยนิยามประสบการณ์ดื่มกาแฟในรูปแบบใหม่สำหรับคนเมืองยุคดิจิทัล

แม้บริษัทจะสะดุดหนักจากเรื่องอื้อฉาวด้านบัญชีในปี 2020 จนราคาหุ้นร่วงหนักและความเชื่อมั่นหายไปแทบหมด แต่การฟื้นกลับมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีหลัง แสดงให้เห็นถึงพลังของวิสัยทัศน์ การบริหารจัดการ และการปรับตัวที่เฉียบคม Luckin ไม่เพียงกลับมาทำกำไรได้ แต่ยังขยายสาขาได้มากกว่าคู่แข่งระดับโลกในประเทศของตัวเอง และเริ่มบุกตลาดต่างประเทศด้วยแนวทางที่ชัดเจน

เรื่องราวของ Luckin Coffee จึงไม่ใช่แค่กรณีศึกษาของการเติบโตทางธุรกิจ แต่เป็นบทเรียนของความกล้าในการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นในยามวิกฤติ และความรับผิดชอบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน และในขณะที่แบรนด์ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมกาแฟ โลกก็กำลังจับตามองก้าวต่อไปของพวกเขาอย่างใกล้ชิด

💡คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: หุ้น LKNCY ของ Luckin Coffee ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่?
A: หากมองในมุม “หุ้น turnaround” LKNCY ถือว่ามีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวของธุรกิจและผลประกอบการที่กลับมาทำกำไร แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการแข่งขันในจีนและภาพลักษณ์ในอดีต นักลงทุนควรประเมินทั้งพื้นฐานและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจ

Q: Luckin Coffee แตกต่างจาก Starbucks อย่างไร?
A: Luckin เน้นการซื้อ-จ่ายผ่านแอป ความสะดวก และราคาย่อมเยา ส่วน Starbucks เน้นประสบการณ์ในร้านและภาพลักษณ์พรีเมียม กลุ่มเป้าหมายจึงต่างกันอย่างชัดเจน

Q: ทำไม Luckin Coffee ถึงถูกถอดออกจาก NASDAQ?
A: ในปี 2020 บริษัทถูกตรวจพบว่าปลอมแปลงรายได้กว่า 300 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงและสูญเสียความเชื่อมั่น ก่อนจะถูกถอดออกจาก NASDAQ และกลับมาเทรดในตลาด OTC ในนาม $LKNCY

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

image sorce : Bloomberg